เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2554 เวลา 10.00 น. – 12.00 น. กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย จัดการปาฐกถาพิเศษในหัวข้อเรื่อง “สิทธิของสตรีและ เด็ก: การอนามัยแม่และเด็กในโลกมุสลิม (Women and Child Rights: Maternal and Child Care in Muslim World)' โดยได้รับเกียรติจาก ดร. นาดีรา ฮายัท เบอร์ฮานี (Nadera Hayat Burhani) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขอัฟกานิสถาน ณ วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย
ดร.นาดีราได้บรรยายเกี่ยวกับการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับสตรีและเด็กทารกในอัฟกานิสถาน โดยก่อนหน้านี้อัฟกานิสถานถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการตายของทารกแรกเกิด รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และมารดา สูงจนเข้าขั้นวิกฤต กล่าวคือ มีทารกแรกเกิดตายถึง 165 คนในทุกๆ 1000 คน ในขณะที่มีเด็กอายุต่ำกวา 5 ขวบ ตาย 257 ในทุกๆ 1000 คน ในส่วนการเสียชีวิตของมารดานั้น ก็พบว่ามีมารดาเสียชีวิตจากการคลอดถึง 1600 คน ในทุกๆ 100, 000 คน โดยมีสาเหตุเนื่องมาจากปัญหาสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลให้ระบบสาธารณูปโภคด้านสาธารณสุขที่มีมาถูกทำลายเป็นอย่างมาก โดยในขณะเดียวกันก็ยังทำให้งบประมาณกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศต้องถูกนำไปใช้ในด้านความมั่นคง ซึ่งทำให้รัฐไม่สามารถจัดสรรงบประมาณให้กับการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศได้อย่างเพียงพอ
ประชาชนชาวอัฟกานิสถานร้อยละ 80 ยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลความเจริญและขาดระบบคมนาคมที่จำเป็นและทั่วถึง ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคด้านสาธารณสุขของรัฐได้ ทำให้พื้นที่ดังกล่าวขาดสุขลักษณะที่ดี ในขณะเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวยังขาดการศึกษา จึงทำให้ขาดความรู้ที่ถูกต้องในด้านการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานที่เกียวข้อง เช่น การทำคลอด การดูแลผู้หญิงที่เพิ่งผ่านการคลอดบุตร และทารกแรกเกิดที่ถูกสุขลักษณะ
ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) ก็เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งให้เกิดการตายก่อนวัยอันควรของแม่และเด็ก และก็ยังทำให้ประชาชนชาวอัฟกันส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยต่ำมาก กล่าวคือ ผู้ชายมีอายุเฉลี่ยประมาณ 47 ปี ในขณะที่ผู้หญิงจะมีอายุเฉลี่ยเพียง 45 ปี เท่านั้น โดยสภาพดังกล่าวมีสาเหตุมาจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่เกิดจากการขาดสุขลักษณะที่ดีในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะโรคท้องร่วง มาลาเรีย หัด โรคปอดบวม และโรคบาดทะยัก นอกจากนี้แล้ว ปัญหาดังกล่าวยังเกิดขึ้นจากปัญหาความยากจน ที่เป็นผลสืบเนื่องทางเศรษฐกิจจากสภาวะสงครามและความไม่สงบในประเทศที่ดำเนินมาเป็นเวลานาน
อัฟกานิสถาน เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นในระดับที่น่าเป็นห่วง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตของแม่และเด็กในประเทศ เนื่องจากมีการติดเชื้อดังกล่าวจากแม่สู่ลูก โดยสาเหตุของการแพร่กระจายของเชื้อนี้มาจากการขายบริการทางเพศ และปัญหาการใช้ยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮโรอีน ซึ่งมีราคาถูกมากในอัฟกานิสถาน ปัญหาเหล่านี้มีเพิ่มมากขึ้นหลังจากเกิดปัญหาความไม่สงบในประเทศ
นอกจากนี้แล้ว ความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมานานในท้องถิ่นต่างๆ ของประเทศ ก็ยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ผู้หญิงชาวอัฟกันในชนบทจำนวนมากไม่ได้รับอนุญาติให้ออกนอกบ้านได้โดยที่ไม่มีสามีหรือญาติฝ่ายชายติดตาม ทำให้มีสตรีอัฟกันจำนวนมากไม่ได้รับการทำคลอดอย่างถูกต้องและทันท่วงที หรือการที่ชาวอัฟกันนิยมนำทารกแรกเกิดไปอาบน้ำทันที ทำให้ทารกดังกล่าวมีอาการป่วยไข้ เนื่องจากขาดความอบอุ่นได้
ยิ่งไปกว่านั้น ประเพณีการบังคับให้เด็กผู้หญิงแต่งงานก่อนวัยอันควร ประกอบกับทัศนคติที่ต่อต้านการคุมกำเนิดและการวางแผนครอบครัว ได้ส่งผลให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ (Unwanted pregnancy) โดยหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่สามารถจัดการดูแลทารกรวมถึงสุขภาพของตนเองได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากขาดทั้ง ความพร้อมด้านร่างกาย วุฒิภาวะ และประสบการณ์ในการเป็นแม่ และก็ยังขาดแคลนทรัพยากรด้านการเงินในการจุนเจือครอบครัวอีก
ในปัจจุบัน ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง และประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยในช่วงที่ผ่านมานั้น ได้มีการจัดโครงการฝึกอบรมผดุงครรภ์ชุมชน (Community Midwife Training Program) ให้กับสตรีอาสาสมัคร ซึ่งจะคอยช่วยผดุงครรภ์ รวมทั้งให้ความรู้ด้านการสาธารณสุขที่ถูกต้อง แก่ผู้หญิงที่อยู่ในชนบทที่ห่างไกล ในขณะเดียวกันก็ได้มีการจัดตั้งสภาสาธารณสุขประจำหมู่บ้านขึ้น (Village Health Councils) เพื่อส่งเสริมและบริหารจัดการการผดุงครรภ์ชุมชนดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลอัฟกานิสถานได้ดำเนินการปรับปรุงและเพิ่มจำนวนสาธารณูปโภคด้านสาธารณสุขในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศ รวมถึงจัดให้มีระบบประกันคุณภาพของสาธารณูปโภคดังกล่าวอีกด้วย นอกจากนี้ ก็ยังมีการดำเนินโครงอบรมการฉีดวัคซีนทั่วประเทศให้กับผู้หญิงเพื่อช่วยให้ประชาชนต่างๆทั่วประเทศสามารถรับบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น และพร้อมกันนี้ก็ได้มีการจัดการพัฒนาด้านการศึกษาของคนชาติควบคู่กันไปด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยลดอัตราการตายของทารกได้ถึง 22 % ในช่วงระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา และอัตราการตายของมารดาหลังการคลอดบุตรลดลง 12.5 % ในช่วงเวลาเดียวกัน
ดังนั้น ด้วยความพยายามร่วมกันของรัฐบาลอัฟกานิสถาน องค์กรเอกชน และประชาคมนานาชาติ ภาพประชาชนอัฟกานิสถานที่มีสุขภาพร่ายกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ สามารถเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูประเทศในให้ก้าวหน้าไปได้ จึงไม่ใช่ความหวังที่ไกลเกินเอื้อม สำหรับทุกฝ่ายที่จะเป็นหุ่นส่วนเพื่อการพัฒนาอัฟกานิสถานอย่างยั่งยืน
แหล่งที่มา : http://sameaf.mfa.go.th/